ในระยะเวลาที่ผ่านมา เยอรมนีได้ปรับเปลี่ยนนโยบายทางการทหารอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน การตัดสินใจนี้ส่งผลต่อนโยบายความมั่นคงของยุโรปโดยรวม
.
ในขณะนี้ เยอรมนีกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการ militarization หรือการเพิ่มขีดความสามารถทางทหารท่ามกลางสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ความขัดแย้งนี้นำมาซึ่งความต้องการให้ยุโรปตื่นตัวและเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกับการทำให้ชัดเจนในแนวทางการป้องกันประเทศในระดับชาติ ซึ่งส่งผลให้เยอรมนีต้องเพิ่มงบประมาณทางทหาร โดยหวังว่าจะทำให้สามารถส่งสัญญาณว่าเยอรมนีไม่ใช่แค่ผู้สังเกตการณ์แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงในยุโรป
การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่เป็นผลกระทบมาจากหลายปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดระหว่างประเทศ การแสดงออกถึงความแกร่งในด้านความมั่นคงและการสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ที่รัสเซียได้รุกรานยูเครน ความต้องการให้เยอรมนีมีบทบาทที่เข้มแข็งมากขึ้นในทางการทหารจึงเป็นที่ประจักษ์
นอกจากนี้ เยอรมนียังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในความคิดของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องการทหารและสงคราม โดยในอดีตประชาชนหลายคนมักจะมีความหวาดกลัวต่อการมีทหารและอาวุธ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ ความรู้สึกอันนี้ได้เริ่มเปลี่ยนไป การเพิ่มงบประมาณทางทหารและการมีส่วนร่วมกับนาโตทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมในวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม
การ militarization ของเยอรมนีจึงกลายเป็นประเด็นที่สำคัญสำหรับการเมืองภายในและการแสดงออกทางการทูตในเวทีระดับนานาชาติ บทบาทใหม่ที่เยอรมนีกำลังเล่นนี้จะมีผลต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในทวีปยุโรปอย่างแน่นอน
.
เยอรมนีกับการ militarization ในช่วงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เยอรมนีเริ่มเพิ่มขีดความสามารถทางทหารเพื่อตอบสนองต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์นี้จะส่งผลต่อความมั่นคงในยุโรปอย่างไร? มาติดตามความเปลี่ยนแปลงนี้กัน!
.
![]()