ในขณะที่การเมืองโลกยังคงมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะมีท่าทีที่อ่อนลงต่อจีนในระยะหลังนี้.
.
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของจีนในนโยบายการค้ทและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตอนนี้เริ่มมีท่าทีโน้มน้าวไปในทางที่อ่อนลงต่อจีน ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงนี้สร้างความสงสัยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างสองขั้วอำนาจ ในยุคที่ความตึงเครียดทางการค้าและการแข่งขันทางทหารสูงขึ้น ข้อสังเกตเกี่ยวกับการลดทอนท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนของทรัมป์ อาจแสดงถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการเมืองของเขา ทั้งนี้ยังควรพิจารณาถึงบริบททางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันทั่วประเทศ
ทรัมป์เคยมีท่าทีเรียกร้องให้ดำเนินการเอาจริงเอาจังกับจีน ทั้งในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศและปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาดูเหมือนมีแนวโน้มที่จะเปิดกว้างกับความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกับจีนมากขึ้น โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาภูมิภาคที่สำคัญอย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการต่อสู้กับโรคระบาด
สิ่งนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ทรัมป์กำลังตั้งใจจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้เสนอนโยบายที่เน้นมนุษยศาสตร์มากขึ้นหรือไม่ หรือเขากำลังพยายามแนะนำภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนขึ้น เพื่อดึงดูดคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในอนาคต ความลึกลับในฐานะผู้มีอิทธิพลยังคงอยู่ในขณะนี้ ตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2024 เป็นต้นไป อนาคตที่ว่า เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เบาลงระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในด้านเศรษฐกิจ และภูมิศาสตร์การเมืองได้หากเปิดช่องทางไว้เพื่อเจรจากัน ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดจะตัดสินใจเดินหน้าและแสดงความจริงใจในความร่วมมืออย่างไร.
.
โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มมีท่าทีที่นุ่มนวลขึ้นต่อจีน สร้างการตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตของสหรัฐฯ และความสัมพันธ์ระหว่างสองชาตินี้ พร้อมทั้งอาจส่งผลต่อการเมืองในอนาคต แชร์ความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับท่าทีนี้!
.
![]()